Introducing Copilot in Microsoft Dynamics 365 Guides, bringing generative AI in mixed reality to frontline workers

ขอแนะนำ Copilot for Microsoft Dynamics 365 Guides ตัวช่วยที่จะทำให้การเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่ายผ่านคำสั่งเสียงและท่าทางของคุณ

เครดิต By Lili Cheng, Corporate Vice President, Business Applications and Platform

ที่ Microsoft Ignite 2023 ได้ประกาศ Copilot ใน Microsoft Dynamics 365 Guides ได้นำเอา AI มาใช้กับ Mixed Reality เพื่อผู้ปฏิบัติงานที่หน้างาน ทำงานที่ซับซ้อนได้สำเร็จ และแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้นโดยรบกวนขั้นตอนการทำงานน้อยลง

Copilot ใน Dynamics 365 Guides สามารถช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานในการตั้งค่าทางอุตสาหกรรมที่ต้องจัดการกับอุปกรณ์และกระบวนการที่ซับซ้อน ช่างเทคนิคใหม่จำเป็นต้องพัฒนาเทคนิคอย่างรวดเร็วไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้วิธีใช้งานและซ่อมบำรุงอุปกรณ์นั้น เมื่ออุปกรณ์หยุดทำงาน ผู้ปฏิบัติงานจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อวินิจฉัยปัญหา ดำเนินการแก้ไข และบันทึกงานของตนไว้ แทนที่จะให้พนักงานต้องค้นหาเอกสารดิจิทัลหรือคู่มือกระดาษจำนวนมาก Copilot ช่วยให้พนักงานสามารถขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยใช้ภาษาและท่าทางของมนุษย์ เช่น การมองและการชี้ Copilot จะใช้ AI เพื่อค้นหาข้อมูลจากเอกสารทางเทคนิค บันทึกการบริการ เนื้อหาการฝึกอบรม และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่ลูกค้าดูแลจัดการ จากนั้น Copilot จะสรุปข้อมูลเพื่อให้ คำแนะนำแบบโต้ตอบผ่านเนื้อหาและแสดงHolograms ที่ซ้อนทับบนอุปกรณ์ในการใช้งานหรือการบำรุงรักษา

Mixed reality ร่วมกับ AI นำเสนออินเทอร์เฟซที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นหลักซึ่งสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานในโลกแห่งความเป็นจริง ตอนนี้ Copilot สามารถช่วยเหลือคนงานในอุตสาหกรรมแบบเรียลไทม์ด้วยคำพูดและ holograms.

ความสามารถของ Copilot ในDynamics 365 Guides

นี่คือความสามารถที่เราวางแผนจะปลดล็อคด้วย Copilot ใน Dynamics 365 Guides:

ชี้และขอคำแนะนำ

มนุษย์ได้เรียนรู้และมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในลักษณะลงมือปฏิบัติจริงอยู่เสมอ โดยตั้งคำถามต่างๆในขณะที่พวกเขาทำงาน. Copilot ใน Dynamics 365 Guides จึงถูกสร้างขึ้นจากการตั้งคำถามต่างๆเพื่อช่วยให้พนักงานเข้าใจโลกรอบตัวได้ดียิ่งขึ้น พนักงานสามารถชี้ไปที่ส่วนประกอบบนอุปกรณ์ และถามคำถามกับ Copilot เช่น “ขีดจำกัดแรงบิดของสลักเกลียวเหล่านี้คือเท่าไหร่” พนักงานใหม่สามารถถามคำถามทั่วไปได้ เช่น “ส่วนประกอบนี้มีหน้าที่อะไร” โดยไม่จำเป็นต้องไปขัดจังหวะเพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์มากกว่า Copilot รู้ว่าผู้ใช้กำลังชี้ไปที่อะไรและให้คำตอบได้. ?Models 3 มิติและ Spatial maps provide เป็นรากฐานสำหรับเทคโนโลยีในการระบุสิ่งที่ผู้ปฏิบัติงานกำลังดู จากนั้นฉายภาพ Hologramเพื่อแสดงคำแนะนำ พนักงานสามารถถามคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ เช่น “ชิ้นส่วนนี้ควรหันไปทางใด” หรือ “แสดงตำแหน่งโมดูลเซ็นเซอร์บนเครื่องจักรนี้” จากนั้น Copilot จะแสดงholograms เพื่อแสดงตำแหน่งของชิ้นส่วนนั้น

การสร้างเนื้อหาเชิงพื้นที่

Copilot ใน Dynamics 365 Guides เพิ่มคุณค่าที่พร้อมใช้งานได้ทันทีของ Mixed realityโดยลดการลงทุนล่วงหน้าที่จำเป็นในการสร้างเนื้อหาเชิงพื้นที่ลงอย่างมาก Copilot ทำให้การสร้าง การจัดการ และการส่งมอบเนื้อหาMixed reality ง่ายขึ้นโดยใช้แหล่งข้อมูลที่ลูกค้าเป็นผู้กำหนด ช่วยให้บริษัทต่างๆสามารถนำเอา Mixed reality ไปใช้ได้อย่างเร็วขึ้นมาก

ความช่วยเหลือแบบทีละขั้นตอน

ขับเคลื่อนโดย Microsoft Azure OpenAI Service แบบโมเดลภาษาช่วยให้ Copilot ใน Dynamics 365 Guides ทำได้มากกว่าการตอบคำถามแบบครั้งเดียว พนักงานสามารถพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องได้ เช่น “ช่วยอธิบายขั้นตอนต่างๆ เพื่อแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์นี้” หรือ “ฉันถอดมอเตอร์ออกแล้ว จะต้องทำอะไรต่อไป” Copilot สามารถปฏิบัติตามกระบวนการและทำการสนทนาโดยใช้ฐานความรู้ที่ลูกค้าได้ดูแลและจัดการมา เพื่อระบุคำตอบด้วยคำพูด ข้อความ หรือHolograms 3 มิติ ขจัดความสงสัยในการทำงาน และลดเวลาในการทำงานซ้ำ

ข้อมูลตามความต้องการ

ด้วยการเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ Internet of Things (IoT) ข้อมูลการปฏิบัติงาน และข้อมูลบันทึกการบริการ Copilot ใน Dynamics 365 Guides สามารถตอบคำถาม เช่น “ระดับความชื้นในปัจจุบันคือเท่าไร” หรือ “ตรวจสอบครั้งล่าสุดเมื่อใด และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง” HoloLens 2 ช่วยให้ Copilot สามารถระบุข้อมูลเฉพาะ และเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องแบบReal Time ผู้ปฏิบัติงานที่หน้างานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่หลากหลายเพื่อแก้ไขปัญหาหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ ด้วยความช่วยเหลือจาก AI ในสภาวะแวดล้อมงานของพวกเขา

ผสมผสานความรู้ของผู้เชี่ยวชาญ

บ่อยครั้งที่มีเพียงพนักงานที่มีประสบการณ์มากกว่าเท่านั้นที่มีความรู้ที่จำเป็นในการทำงานที่ซับซ้อนให้สำเร็จหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ชิ้นสำคัญ เมื่อพนักงานคนนั้นไม่ว่างหรือเกษียณอายุไป ความรู้นั้นก็จะสูญหายไป Copilot ใน Dynamics 365 Guides สามารถใช้ประโยชน์จากบันทึกย่อหรือบันทึกการโทรของผู้เชี่ยวชาญคนก่อนหน้านี้ เพื่อนำไปแนะนำพนักงานใหม่ผ่านกระบวนการเดียวกัน ช่วยให้พนักงานเรียนรู้ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถถ่ายโอนความรู้ภายในโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและความคล่องตัวทางธุรกิจ

ความคล่องตัวของเอกสาร

ผู้ปฏิบัติงานจะสามารถใช้ Copilot ใน Dynamics 365 Field Service Mobile เพื่อเร่งกระบวนการดำเนินการให้เสร็จสิ้นและบันทึกงานของพวกเขา แทนที่จะกรอกเอกสาร พนักงานสามารถบรรยายความคืบหน้าของตนให้ Copilot ทราบด้วยเสียงของพวกเขาได้ Copilot จะให้คำแนะนำเพื่อตรวจสอบงานบริการ เพิ่มบันทึก และอัปเดตปริมาณผลิตภัณฑ์และสถานะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Copilot ใน Dynamics 365 Guides เปลี่ยนโลกแห่งความเป็นจริงให้กลายเป็นการแจ้งเตือนและจุดหลักสำหรับ AI เครื่องมือนี้จะทำให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางของผลิตภัณฑ์ โดยจะเปลี่ยนแปลงวิธีที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สามารถช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานที่หน้างานดำเนินการในโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ Copilot ใน Dynamics 365 Guides ถือเป็นAppที่มีศักยภาพและสำคัญสำหรับธุรกิจที่กำลังมองหาประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่มากขึ้นในการดำเนินกิจการของพวกคุณ

Multiplayer Application on Hololens2 

Multiplayer Application on Hololens2 

  • มัลติเพลเยอร์คืออะไร 

มัลติเพลเยอร์ คือการที่ผู้เล่นหลายคน สามารถเล่นเกมหรือใช้งานแอพพลิเคชันได้พร้อมกัน ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน มีทั้งในรูปแบบ Local หรือการเล่นหลายคนแบบใช้ LAN และรูปแบบ Online หรือการเล่นหลายคนแบบใช้อินเทอร์เน็ต 

  • มัลติเพลเยอร์ สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรกับการใช้งาน HoloLens 2 ได้บ้าง 

แอพพลิเคชัน HoloLens 2 หลายๆแอพพลิเคชัน ถูกนำไปใช้ในการตรวจแบบ การศึกษา การเทรนนิ่ง และอื่นๆ เพื่อให้เห็นแบบจำลองที่สมจริงมากขึ้น แต่โดยส่วนมากแล้วจะมาในรูปแบบของแอพพลิเคชันที่มีผู้ใช้คนเดียว และมีปฎิสัมพันธ์กับผู้ใช้คนอื่นผ่านหน้าจอ Remote Assist ที่ให้ผู้ใช้คนอื่นเห็นสภาพแวดล้อมที่ผู้เล่นกำลังใช้งานได้ 

การที่ทำแอพพลิเคชันเป็นมัลติเพลเยอร์ ทำให้สามารถมีผู้ใช้งานในสภาพแวดล้อมเดียวกันพร้อมกันได้ ผู้ใช้สามารถให้ความร่วมมือกันในการบรรลุเป้าหมายการใช้งานของแอพพลิเคชันได้ง่ายขึ้น 

ความแตกต่างระหว่างแบบจำลอง 3 มิติ กับ CAD

ซอฟต์แวร์ CAD คืออะไร ?  
CAD ( Computer-Aided Design ) คือ การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการสร้าง แก้ไข วิเคราะห์ และเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบ โดยทำการเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งการใช้ซอฟต์แวร์ในการออกแบบจะมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากกว่าการออกแบบด้วยมือเปล่า ( Non-digital techniques ) เนื่องจากสามารถปรับเปลี่ยนการออกแบบและจำลองการทดสอบในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ง่าย ในการออกแบบ 3 มิติ และเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลทำให้ในด้านสิทธิบัตรสำหรับการออกแบบมีมาตรฐานมากขึ้นและง่ายต่อการติดตามข้อมูล 

ความแตกต่างระหว่างการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ ( 3D modeling ) กับ CAD ( Computer-Aided Design ) 
การสร้างแบบจำลอง 3 มิติ ( 3D modeling ) ได้รับการออกแบบมาให้เป็นการสร้างรูปร่างที่อิสระ เช่น การสร้างตัวละครสำหรับภาพยนตร์แอนิเมชัน ซึ่งต่างจากการขึ้นรูปโดยสมการอิงตัวแปร ( Parametric Solid modeling ) หรือ CAD มักมีไว้เพื่อใช้ในทางที่เกี่ยวข้องกับการสร้างวัตถุที่มีความแม่นยำ เช่นงานทางด้านวิศวกรรม ที่สามารถใช้เพื่อสร้างงานที่ซ้ำกันได้อย่างแน่นอนด้วยคุณสมบัติทางด้านคณิตศาสตร์และพารามิเตอร์ โดยบางครั้งซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ได้ผสมผสานการออกแบบทั้งสองรูปแบบเข้าด้วยกัน จึงหาความแตกต่างที่ชัดเจนได้ยาก 

ซอฟต์แวร์ CAD ใช้สำหรับอะไร 
งานจำนวนมากต้องใช้ซอฟต์แวร์ CAD เช่น วิศวกรหรือนักออกแบบที่ทำงานด้านเครื่องกล ไฟฟ้า การผลิต อุตสาหกรรม และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในหลากหลายสาขา ( การบินและอวกาศ ทางการแพทย์ หรือทางด้านศิลปะ ) ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในการสร้างแบบจำลองมาตรฐาน 2 มิติ และ 3 มิติ โดยสามารถใช้ในการออกแบบการจำลองผลิตภัณฑ์ หรือคำนวณต้นทุนและตรวจสอบการผลิตได้อีกด้วย 

่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องเสียไปกับซอฟต์แวร์ CAD ประมาณเท่าไหร ? 
         ค่าใช้จ่ายของซอฟต์แวร์ CAD จะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการสร้างแบบจำลองและวัตถุประสงค์ในการสร้างแบบจำลองของผู้ใช้  โดยทั่วไปจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 40,000 บาท/ปี ไปจนถึง 200,000 บาท/ปี โดยซอฟต์แวร์ที่มีราคาสูงนั้นเป็นที่ต้องการสำหรับทีมวิศวกรรมที่ทำงานกับโมเดลที่มีความซับซ้อนสูง อย่างไรก็ดี ยังมีซอฟต์แวร์อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเพราะมีราคาที่ถูกกว่ามากพร้อมคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่ลดหลั่นลงมา โดยมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท/เดือน 

  

Fusion 360 ซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้ใหม่ 
ด้วยอินเทอร์เฟซที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ซึ่งกระบวนการจำลองการออกแบบที่สมจริง สามารถเริ่มต้นการออกแบบได้ทันทีด้วยชุดเครื่องมือที่หลากหลายภายในตัวซอฟต์แวร์ ทำให้สามารถพัฒนาทักษะในการทำงานได้อย่างไม่ถูกจำกัด  
แม้จะไม่มีเครื่องมือพิเศษที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมการออกแบบเชิงกลไกและการออกแบบที่ซับซ้อนเหมือนกับซอฟต์แวร์อื่น แต่ความเรียบง่ายของ Fusion 360 และต้นทุนที่ต่ำกว่าทำให้ได้เปรียบในการผลิตชิ้นงานที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป เป็นเครื่องมือ 3D CAD, CAM และ CAE ที่ทำงานบนคลาวด์ โดยเน้นในด้านการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ โดยเนื่องจากทำงานบนคลาวด์ทำให้มีพื้นที่จัดเก็บและการเข้าถึงที่ไม่จำกัด ช่วยให้ข้อมูลปลอดภัยและการทำงานร่วมกันได้ 
แบบเรียลไทม์ และยังมีเครื่องมือที่ครบครันและตอบโจทย์การออกแบบ พร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยง่ายต่อการเข้าใจสำหรับผู้ใช้ใหม่ มีคอมมูนิตี้สำหรับฝึกการใช้งานด้วยตัวอย่างการออกแบบที่ติดตั้งอยู่บนคลาวด์ที่สามารถเรียกใช้งานได้ทันทีโดยตรงจากซอฟต์แวร์และมีราคารายเดือนที่ไม่สูงจนเกินไปถ้าเทียบกับคุณภาพของซอฟต์แวร์ที่ได้รับ และยังรองรับการทำงานผ่านระบบปฏิบัติการ Windows และ MacOS อีกด้วย 

อ้างอิง : https://www.expertreviews.co.uk/software/1416934/best-cad-software 

Microsoft HoloLens ที่มีมานานนับเกือบ10ปี  ก่อนที่จะเริ่มต้นมี Apple

Microsoft HoloLens ที่มีมานานนับเกือบ10ปี  ก่อนที่จะเริ่มต้นมี Apple

กระแสความคึกคักของเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) กลับมาอีกครั้งด้วย 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ ระหว่าง Microsoft และ Apple ทีได้สร้างกระแสความตื่นตัวขึ้นมา   ในขณะที่ Apple  เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ตอบโจทย์เทคโนโลยี AR ในปี 2023   แต่เมื่อประมาณเกือบ10ที่ผ่านมา ทาง Microsoft ได้บุกเบิกเรื่องเหล่านี้มาแล้วด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เทคโนโลยี AR นี้ นั่นคือ Microsoft HoloLens

จุดเริ่มต้นของ Microsoft HoloLens :  การปฏิวัติวงการเทคโนโลยี AR

Microsoft HoloLens ได้ก้าวเข้ามาสู่ตลาดและได้เปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับ AR ไปตลอดกาล อุปกรณ์นี้ได้เปิดตัวพร้อมกับคำมั่นสัญญาจะผสมผสานกันระหว่างโลกเสมือนจริง (ดิจิตอล) และโลกจริงเข้าด้วยกัน  ทำให้อุปกรณ์นี้เป็นผู้นำในการปฏิวัติวงการเทคโนโลยี AR ด้วยอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้อย่างง่ายดายจนเกิดความรู้สึกอันน่าทึ่งในช่วงเวลาชั่วข้ามคืน มากไปกว่านั้น Microsoft HoloLens ยังนำเสนอเทคโนโลยี Mixed Reality (MR) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง (Augmented Reality)AR และ Virtual Reality (VR) เป็นแนวคิดตั้งแต่เริ่มต้นจนมาเป็นกระแสหลักในปัจจุบัน


Microsoft HoloLens : นวัตกรรมเหนือการจินตนาการ

Microsoft HoloLens มาพร้อมกับลูกเล่นมากมาย ซึ่งบางลูกเล่นก็เป็นเจ้าแรกแห่งวงการอุตสาหกรรม  ตัวอย่างเช่น Spatial Mapping (ระบบการสร้างโฮโลแกรมบนพื้นที่โลกแห่งความจริง) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบกันได้ระหว่าง โลกดิจิตอลและโลกจริงไปพร้อมๆ กัน , Spatial Sound (ระบบเสียงตามทิศทางและตำแหน่ง)  เป็นลูกเล่นการได้ยินแบบ 3 มิติ ทำให้สิ่งแวดล้อมแบบ AR สมจริงมากยิ่งขึ้น และยังมีการนำเสนอเทคโนโลยี  Gaze Tracking (ระบบการตรวจจับและวิเคราะห์ดวงตา) ที่ทำให้อุปกรณ์นี้รู้ถึงว่าผู้ใช้งานมองเห็นอะไร  ให้ความรู้สึกตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อ

Microsoft HoloLens : อนาคตแห่งโลกอุตสาหกรรม

Microsoft HoloLens ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เทคโนโลยีเท่านั้น  มันยังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม ตั้งแต่การดูแลสุขภาพไปจนถึงด้านการศึกษาและความบันเทิง , Microsoft HoloLens มีแอปพลิเคชันต่างๆ มากมาย ที่สามารถใช้งานได้ทุกสถานที่ อาทิเช่น งานด้านศัลยแพทย์สามารถนำไปใช้วางแผนการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน , นักศึกษาสามารถนำไปใช้เพื่อการเรียนรู้ทางไกลร่วมกัน และสถาปนิกสามารถนำไปใช้เพื่อการออกแบบโครงสร้างในรูปแบบ 3 มิติ  แอปพลิเคชันเหล่านี้ยังมีความสำคัญในปัจจุบัน จึงกล่าวได้ว่า Microsoft HoloLens เป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง

การเข้าสู่วงการ AR ของ Apple : ในช่วงเวลาต่อมา
เร็วๆ นี้ ปี ค.ศ. 2023 , บริษัท Apple ได้ออกผลิตภัณฑ์ AR ที่เป็นของตัวเอง  ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของ Apple แต่คุณสมบัติหลายๆ อย่างที่ทาง Apple นำเสนอกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Microsoft HoloLens ที่มีมานานนับหลายปี   อุปกรณ์ AR ของ Apple ได้แสดงคุณสมบัติ อาทิเช่น 3D Sound , Gaze Tracing และ Spatial Mapping  ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติที่มีอยู่ใน Microsoft HoloLens ที่มีผู้ใช้งานมานานนับเกือบ10ปี

Apple AR : ถูกสร้างขึ้นมาจากความสำเร็จของ Microsoft HoloLens
มันไม่เป็นความลับอีกต่อไปเมื่อการเข้าสู่ AR ของ Apple นั้นเกิดมาจากความสำเร็จของ Microsoft HoloLens เพราะมีคุณสมบัติหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน  จึงเห็นได้ชัดว่านวัตกรรมของ Microsoft ได้ชี้นำเส้นทางสำหรับ Apple. สิ่งนี้ไม่ใช่ข้อผิดพลาด แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่า Microsoft HoloLens ล้ำหน้าอย่างแท้จริง และเป็นมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรม ARMicrosoft VS Apple  : วิวัฒนาการของ ARในขณะที่การเข้าสู่เทคโนโลยี AR ของ Apple นั้นเป็นการพัฒนาที่สำคัญ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ถึงรากฐานของ Microsoft HoloLens.  Microsoft HoloLens ไม่เพียงแค่ทำให้พวกเรารู้จักกับเทคโนโลยี AR  เท่านั้นมันยังมีความสามารถในการเรียนรู้และตอบสนองกับสภาพแวดล้อมที่เป็นดิจิทัล  และถึงแม้ว่าอุปกรณ์ AR ของค่าย Apple เองก้าวไปถึงจุดนั้นได้  แต่หลายๆ คุณสมบัติของนวัตกรรมต่างๆนั้น มันเริ่มต้นมาจากโดย  Microsoft

สรุป : ทศวรรษแห่งความก้าวหน้าของ AR

Microsoft HoloLens ได้ปฏิวัติตลาด AR อย่างไม่ต้องสงสัย  แม้ว่าการเข้ามาของ Apple จะได้รับการตอบรับและจะขยายตลาดออกไป แต่ก็ยังยืนอยู่บนไหล่ของ Microsoft HoloLens ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรม AR ซึ่งยังคงเติบโตและพัฒนาต่อไป

A Comprehensive Look: How Microsoft HoloLens Paved the Way, a Decade Before Apple | by Sankalp Pathak | Jul, 2023 | Medium

HoloPatient

เป็นโปรแกรมจำลองสถานการณ์ทางคลินิก ส่วนหนึ่งของโปรแกรม GiG XR เหมาะสำหรับการศึกษาผู้ป่วยเสมือนจริงที่ได้มาตรฐาน เรียนรู้ได้จากทุกที่ทั้งระยะใกล้ และระยะไกล สามารถออกแบบแผนการเรียนรู้เองได้ อีกทั้งยังสามารถแชร์ประสบการณ์เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มได้ ตัวโปรแกรมสามารถปรับสัญญาณชีพผู้ป่วยเพื่อฝึกทำการวิเคราะห์ และสามารถเพิ่ม Label เพื่อระบุส่วนที่สำคัญๆได้

ปัจจุบันตัวโปรแกรมสามารถสร้างสถานการณ์ได้มากถึง 16 สถานการณ์ มีดังนี้

  • แผลไฟไหม้
  • โรคภูมิแพ้
  • ภาวะการกระทบกระเทือนทางจิตใจ
  • โรคเบาหวาน
  • ภาวะการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
  • ภาวะหัวใจล้มเหลว
  • โรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคหอบหืด
  • โควิด-19
  • ภาวะสมองเสื่อม
  • โรคพาร์กินสัน
  • ภาวะช็อกจากการติดเชื้อ
  • กระดูกสะโพกหัก
  • ภาวะครรภ์เป็นพิษ
  • กล้ามเนื้อหัวใจตาย

HoloLens คืออะไร

โฮโลเลนส์ คือแว่น MR ที่ทาง Microsoft ได้พัฒนาขึ้น จุดเด่นของแว่น MR ที่ต่างจาก AR คือสามารถใช้ท่าทางของมือ (Hand gestures) ในการโต้ตอบกับภาพโฮโลแกรมที่แสดงในแว่นได้ ความแตกต่างระหว่างแว่น MR และแว่น VR (เช่น Oculus Quest) คือเลนส์ของแว่น MR เป็นเลนส์กึ่งโปร่งแสง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมองทะลุจอแสดงผลภาพโฮโลแกรมไปเห็นสภาพแวดล้อมจริง ๆ ได้ ในขณะที่แว่น VR ไม่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมจริงได้ ยกเว้นแต่จะดึงภาพจากกล้องที่ติดตั้งไว้มาแสดงผลแทน ดังนั้นแว่น MR Microsoft HoloLens จึงเหมาะกับงานที่ต้องมองเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกด้วย เช่น งานแสดงผลข้อมูลเครื่องจักรในไลน์ผลิต งานเทรนนิ่งต่าง ๆ หรืองานที่เป็นการแมพภาพโฮโลแกรมเข้ากับสภาพแวดล้อมจริง เป็นต้น

งานแสดงผลข้อมูลของเครื่องจักร เครื่องจักรในไลน์ผลิตควรสามารถเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับเน็ตเวิร์กได้ เป็นอุปกรณ์จำพวก IoT (Internet of Things) หรือ IIoT (Industrial Internet of Things) เพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลขณะกำลังผลิตกับแว่น MR ได้แบบ real-time การรับส่งข้อมูลพื้นฐานสามารถใช้โปรโตคอล MQTT เป็นตัวกลางระหว่างเครื่องจักรกับแว่น MR ได้ โดยตั้งค่าโบรกเกอร์กลาง (MQTT Broker) และตั้งค่าหัวข้อ (Topics) สำหรับรับส่งข้อมูลให้ตรงกัน ข้อดีของโปรโตคอล MQTT คือ สามารถรับส่งเป็นข้อความได้เลย (string) ทำให้สามารถเซ็ตอัพข้อมูลและทำความเข้าใจได้ง่าย เป็นจุดเด่นของการพัฒนาแอพลิเคชันสำหรับทำ Data visualization บนแว่น MR เลยทีเดียว

งานทางด้านเทรนนิ่งทางบริษัทก็ได้มีซอฟท์แวร์สำหรับทำคู่มือเทรนนิ่งแบบ MR ใช้ร่วมกับแว่น Microsoft HoloLens 2 ไว้ด้วย หรือถ้าหากประเมินแล้วว่าต้องการให้แอพลิเคชันที่ใช้เทรนนิ่งมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นก็สามารถปรึกษาเพื่อทำ Custom application ให้เหมาะกับงานนั้น ๆ ได้เช่นกัน